ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุณีผู้พร่ำสอนรูปหนึ่งมักห้ามภิกษุณีรูปอื่นๆไปในที่หวงห้ามแต่
ตนเองกลับไป เป็นเหตุให้ประสบเหตุร้าย ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกป่า จ่าฝูงของนกนับร้อยตัว อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ วันหนึ่ง
มีนางนกจัณฑาลตัวหนึ่ง แตกฝูงไปหากินไกลถิ่น ที่ทางใหญ่กลางดง ได้เมล็ดข้าวเปลือกและถั่วที่ตกหล่นจากเกวียนชาวบ้านเป็นอาหาร
เกิดความโลภอยากเก็บไว้กินผู้เดียว เมื่อกลับมาหาฝูงจึงให้โอวาทแก่ฝูงนกว่า ” ธรรมดาทางใหญ่ในดงลึก มีภัยเฉพาะหน้ามาก ทั้งจากฝูงช้าง ม้าและยวดยานที่เทียมโค
ถ้าไม่โผบินขึ้นได้เร็ว ก็อย่าไปที่นั้นนะ ” ฝูงนกจึงตั้งชื่อให้นางนกนี้ว่า
แม่อนุสาสิกา ต่อมาวันหนึ่ง นางกำลังหากินอยู่
ได้ยินเสียงยานแล่นมาด้วยความเร็ว ก็เหลียวดูนึกว่า ยังอยู่ไกลตัว ทันใดนั่นเอง
ยานพลันถึงตัวนาง ด้วยความเร็วปานลมพัด นางไม่อาจโผบินขึ้นได้ทัน จึงถูกล้อยานทับตัวขาดเป็นสองท่อน
นอนตายอยู่ตรงนั้น นกจ่าฝูง เมื่อไม่เห็นนางกลับมาเข้าฝูง
จึงเรียกประชุมนกและให้ออกติดตามหา ไปพบนางในที่นั้น จึงกล่าวคาถาว่า ” นางนกป่าชื่ออนุสาลิกา พร่ำสอนนกตัวอื่นอยู่เนืองนิตย์ แต่ตัวเองกลับโลภจัด
จึงถูกล้อรถบดขยี้ขาดเป็น ๒ ท่อน นอนอยู่ที่หนทางใหญ่ ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กินคนเดียวไม่อร่อย และกินได้ไม่นาน
นิทานเรื่อง กากินน้ำทะเล
ในสมัยหนึ่ง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระอุปนันทเถระผู้ไม่รู้จักพอแล้วเที่ยวสอนภิกษุอื่นให้รู้จักพอ
จึงตรัสพระคาถาว่า ” บุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน
แล้วพึงสั่งสอนผู้อื่นในภายหลัง บัณฑิตจะไม่พึงเศร้าหมอง “แล้วได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก
ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นเทวดารักษาสมุทร สมัยนั้นมีกาน้ำตัวหนึ่งบินเที่ยวหากินอยู่ในมหาสมุทรนั้นมักร้องห้ามฝูงนก
ฝูงปลาว่า ท่านทั้งหลาย จงดื่มกินน้ำทะเลเพียงเล็กน้อยนะ
ช่วยกันประหยัดน้ำทะเลด้วย ” เทวดาเห็นพฤติกรรมของมันแล้วจึงถามไปว่า
” ใครนะ ช่างบินวนเวียนอยู่แถวนี้ เที่ยวร้องห้ามฝูงนกฝูงปลาอยู่
ท่านจะไปเดือดร้อนอะไรกับน้ำทะเลด้วยละ ” มันจึงตอบว่า ”
ข้าพเจ้าคือกาผู้ไม่รู้จักอิ่ม ปรารถนาจะดื่มน้ำทะเลผู้เดียว
กลัวว่าน้ำทะเลจะหมดก่อน จึงต้องร้องห้ามอย่างนั้น ” เทวดาได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวเป็นคาถาว่า”
ทะเลใหญ่นี้จะลดลงหรือเต็มอยู่ก็ตามที ที่สุดของน้ำแห่งทะเลใหญ่นั้นที่บุคคลดื่มแล้ว
ใคร ๆ ก็รู้ไม่ได้
ทราบว่า สาครอันใคร ๆ ไม่อาจดื่มให้หมดสิ้นไปได้ ” ว่าแล้วก็แปลงร่างเป็นรูปที่น่ากลัวขับไล่กาน้ำนั้นให้หนีไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าทราบว่า สาครอันใคร ๆ ไม่อาจดื่มให้หมดสิ้นไปได้ ” ว่าแล้วก็แปลงร่างเป็นรูปที่น่ากลัวขับไล่กาน้ำนั้นให้หนีไป
อย่าไปพะวงอะไรกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจะทำให้จิตฟุ้งซ่านไปเปล่า ๆ
ที่มา : http://www.nithan.in.th/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5
นิทานเรื่อง โลภมากลาภหาย
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน
เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุณีชื่อถูลนันทา ผู้ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคกระเทียม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน
ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง มีภรรยาและได้ลูกสาว ๓ คน ชื่อ นันทา
นันทวดี และสุนันทา พอลูกสาวทั้ง ๓ ได้สามีแล้วทุกคน
พราหมณ์ก็ได้เสียชีวิตไปเกิดเป็นหงส์ทองคำระลึกชาติได้ วันหนึ่ง ได้เห็นความลำบากของนางพราหมณีและลูกสาวของตนที่ต้องรับจ้างคนอื่นเลี้ยงชีพ
จึงเกิดความสงสาร ได้โผบินไปจับที่บ้านนางพราหมณีแล้วเล่าเรื่องราวให้แก่นางพราหมณีและลูกสาว
ฟัง และได้สลัดขนให้แก่พวกเขาเหล่านั้นคนละหนึ่งขนแล้วก็บินหนีไป หงส์ทองได้มาเป็นระยะๆ
มาครั้งใดก็สลัดขนให้ครั้งละหนึ่งขน โดยทำนองนี้นางพราหมณีและลูกสาวจึงร่ำรวยและมีความสุขไปตามๆ
กันต่อมาวันหนึ่งนางพราหมณีเกิดความโลภจึงปรึกษากับลูกๆ ว่า ” ถ้าหงส์มาครั้งนี้ พวกเรา จะจับถอนขนเสียให้หมด เพื่อจะได้มีทรัพย์สมบัติมาก
” พวกลูกๆ ไม่เห็นดีด้วย แต่นางพราหมณีไม่สนใจ ครั้นวันหนึ่งพญาหงส์ทองมาอีก
นางก็ได้จับถอนขนเสียให้หมด ขนเหล่านั้นกลายเป็นขนนกธรรมดาเท่านั้น เพราะพญาหงส์ทองมิได้ให้ด้วยความสมัครใจ
นางพราหมณีได้เลี้ยงหงส์นั้นจนขนงอกขึ้นใหม่เต็มตัว หงส์ก็ได้บินหนีไปโดยไม่ได้กลับมาอีกเลยพระพุทธองค์
เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้ว ได้ตรัสพระคาถาว่า ” บุคคลได้สิ่งใด
ควรยินดีสิ่งนั้น เพราะความโลภเกินประมาณ เป็นความชั่วแท้ นางพราหมณี
จับเอาพญาหงส์ทองแล้วจึงเสื่อมจากทองคำ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าโลภมาก มักลาภหาย
ที่มา : http://www.nithan.in.th/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2
ทุกเรื่องสอดแทรกแง่คิดดีๆให้กับผู้ที่สนใจดีมากเลยคะ
ตอบลบให้ข้อคิดดีมากค่ะ
ตอบลบ