นิทานอีสป

      เรื่อง แม่กบกับวัว  
                                          

                                  

   ณ บึงแห่งหนึ่งมีแม่กบขี้อิจฉาอยู่ตัวหนึ่ง จะมีนิสัยที่เห็นใครดีกว่าตนแล้วก็จะรู้สึกไม่ชอบใจ จะต้องหา ทางข่มว่าตนนั้นเหนือกว่าอยู่เสมอเลยทีเดียว ลูกๆของกบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของตนเป็นเช่นนั้นได้ อย่างไรแต่ ด้วยนิสัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ก็มักจะตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ อยู่มาวันหนึ่งลูกๆ ของกบตัวนั้นได้หนี ไปแอบนอนเล่นอยู่ที่บึงแห่งหนึ่งที่ไกลออกไป แล้วพวกมันก็ได้เห็นวัวตัวหนึ่งมากินน้ำอยู่ที่ใกล้ๆกับบึงที่ พวกตนได้แอบมานอนเล่นอยู่บึงนั้น พวกลูกกบรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้เห็นสัตว์ ที่ ตัวใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตของมัน..พวกลูกกบด้วยความตื่นเต้นจึง รีบกลับไปหาแม่และรีบเล่า เรื่องราว ที่พวกตนได้เห็นมานั้นให้ฟังอย่างตื่นเต้นด้วยสุดที่จะระงับได้
มันรีบเล่าอย่างตื่นเต้นถึงสัตว์ประหลาด ตัวนั้นว่า แม่ ๆเมื่อตะกี้นี้นะที่บึงฝั่งโน้นน่ะ มีสัตว์อะไรก็ ไม่รู้ ตัวใหญ่เบ้อเริ่มเลยหละตัวใหญ่มากใหญ่จริง ๆฮะ ฮะ ฮะ แม่กบเมื่อมันเห็นลูก ๆตื่นเต้น แบบสุด ๆอย่างนั้น ก็ให้เป็นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเป็นอย่างมาก จึงบอกกับลูกว่า นี่ นี่ลูก ไม่มีสัตว์ตัว ไหนที่จะใหญ่ไปกว่าท้องที่เป่าจนพองของแม่ไปได้หรอกเชื่อสิลูกเอ๋ย
บอกลูกแล้ว แม่กบก็เบ่งท้องของมันจนป่องกลมแล้วตะโกนถามลูกว่า ดูแม่นี่ ตัวแม่ใหญ่เท่ากับสัตว์ ที่พวกเจ้าเห็นมาเหมือนกัน? ” ลูกกบทำมือเปรียบเทียบแล้วบอกกับแม่ว่า แม่เอาอะไรมาพูดจ๊ะตัว แม่ทั้งตัวยังเล็กกว่าเท้าของมันเลย แม่กบจึงโกรธและด้วยแรงอิจฉามันยิ่งพยายามเบ่งท้องของมัน ให้ใหญ่ขึ้นไปอีกใหญ่ขึ้น ๆๆแล้วถามพวกลูก ๆขึ้นอีกว่า นี่ล่ะ เท่านี้ล่ะ ใหญ่เท่าหรือยัง? ” แต่พวกลูก ๆก็ยังตอบว่ายังเลยแม่ใหญ่กว่านี้อีก
                            














      แม่กบเมื่อได้ยินลูกบอกว่า ยังไม่ใหญ่เท่าที่เห็นพอ มันจึงรวบรวมพลังเข้าไปอีกเป็นครั้งสุดท้าย แล้งเบ่งท้องของมันอย่างสุดกำลังเกิดเลยทีเดียวเรียกว่าครั้งนี้เป็นครั้ง ที่มันได้พองลมครั้งที่ ใหญ่ที่สุดในชีวิตของมันก็ว่าได้โอบ โอบนี่ล่ะเป็นไง?ใหญ่กว่าแล้วใช่ไหม? ” ลูกกบก็ยังส่ายหัว ตอบว่า แม่จ๋าเปลืองแรงปล่าว ๆ ยังไง ๆก็เล็กกว่าจ๊ะ แม่กบหน้าเขียวและคิดไม่ยอมแพ้แต่ท้องที่ พองจนเต็มที่นั้นไม่สามารถที่จะขยายต่อไปได้อีกแล้ว จึงแตกดังโพ๊ละ ลูกกบก็ส่ายหัวและพูดตามประสา ซื่อว่า แหวะ..ท้องแม่นอกจากจะไม่ใหญ่แล้ว ยังแตกเป็นรู น่าเกลียดจัง พวกเราปล่อยแม่ให้แกเบ่งของ แกต่อไปอย่างนั้นเถอะแล้วลูกกบก็พากันชวนพี่ๆน้องๆไปแหวกว่ายน้ำ ในบึงกันต่อไป….
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

       "ตนต้องรู้จักประมาณตน อย่าได้เอาเยี่ยงอย่างเป็นเช่นแม่กบที่เบ่งท้องจนแตกตายอย่างในนิทาน เรื่องนี้นะครับ"



                                                        




         นิทานเรื่อง หนูบ้านนอกกับหนูในเมือง






       หนูบ้านนอกตัวหนึ่ง ได้เชิญเพื่อนเก่าซึ่งเป็นหนูในเมืองให้มาอยู่กับมันชั่วระยะหนึ่ง

และมันตั้งใจจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดแก่ เพื่อน ไม่ว่าเปลือกขนมปังที่ขึ้นรา

เนยแข็งเล็กๆ ข้าวโอ๊ตที่ขึ้นรา เศษหมูเบคอนเล็กๆ และอีกหลายๆอย่าง

ในที่สุดเพื่อนของมันพูด ว่า " เพื่อนเก่าของฉัน ขอให้ฉันพูดตรงๆนะ ทำไมจะทนทุกข์

ยากอยู่อย่างนี้ เมื่อเธอไปอยู่กับฉันในเมือง เธอจะหนีความทนทุกข์และมี ความสุข

สนุกสนานกับชีวิตในเมือง "




       หนูทั้งสองได้เดินทางเข้าเมืองพร้อมกันอย่างอิดโรย จนกระทั่งเที่ยงคืนถึงที่หมาย

หนูในเมืองก็ได้พาหนูบ้านนอกไปในห้องเก็บ อาหาร แล้วไปในห้องรับแขก มีอาหาร

ซึ่งหนูบ้านนอกไม่เคยพบตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร เป็นอาหารอันโอชะที่เหลือจากตอนเย็น

ทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออก มีชาย 2 คนเดินเข้ามากับสุนัข ได้พูดคุยเสียงดัง

ทำให้หนูตกใจมาก แต่พอทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบ หนูบ้านนอกก็พูดขึ้นว่า

" เพื่อนรัก ถ้าชีวิตในเมืองมีลักษณะเช่นนี้ ฉันขอกลับไปอยู่บ้านนอกของฉัน

ที่มีเศษเนยเก่าๆขึ้นรากับขนมปัง ขึ้นราดีกว่า อยู่รูเล็กๆแต่ปราศจากความหวาดกลัว

และอันตราย ดีกว่าเป็นนายใหญ่โตแต่ต้องคอยระมัดระวังตัวมีแต่ความรำคาญใจ "

 


  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ชีวิตที่สงบในชนบทเป็นสิ่งที่ดีกว่าความรวยในโลกซึ่งเต็มไปด้วยความยุ่งยาก

ที่มา   http://www.sahamitsanjai.com/board/index.php?topic=2647.0





                  Photobucket     Photobucket     Photobucket        Photobucket

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น